วันอาทิตย์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2554

Program 6.2 รูปทรงและที่ว่างแห่งอิริยาบท (Final Project)

     โปรแกรมนี้เป็นช่วงต่อของโปรแกรมที่ 6.1 ซึ่งเป็นช่วงสุดท้ายของ Final project แล้ว  โปรแกรมนี้ให้นำงานจาก 6.1 มาพัฒนาต่อให้เกิดเป็นที่ว่าง 3 มิติที่มีฟังก์ชันการใช้งานของคน 1 คนอย่างน้อย 1 อิริยาบท  โดยวัตถุประสงค์ของ Final project นี้เพื่อให้นิสิตสามารถประยุกต์ความรู้ทั้งหมดที่เรียนมา นำมาใช้กับผลงานครั้งนี้ได้


1 ยูนิตของรูปทรง

ทดลองนำยูนิตมาต่อกัน

มุมบนของโมเดลสุดท้าย

Sketch design

แผนผังแสดงกระบวนการคิด

มุมด้านข้างของโมเดลสุดท้าย

โมเดลและ Sketch design

   
     ผลงานนี้ผ่านการลองผิดลองถูกมามากมายซึ่งสุดท้ายผลงานที่ได้ออกมาก็เป็นที่น่าพอใจ  สุดท้ายต้องขอขอบคุณคณะอาจารย์ที่ทำให้เกิดผลงานชิ้นนี้ขึ้นมาได้

Program 6.1 รูปทรงและที่ว่างแห่งอิริยาบท (Final Project)

     โปรแกรมนี้เป็นช่วงแรกของ Final project ของเทอมแรกซึ่งเป็นงานคู่  งานชิ้นนี้ให้จับคู่กับ 2 คนซึ่งผมได้จับคู่กับ ต้น หรือ กิตติภาส ราชกรม  โดยให้เลือกวัสดุมา 2 ชนิดมาทำการทดลองโดยให้วัสดุนั้นๆมีวิธีการเชื่อมต่อด้วยวิธีใดๆก็ตามและต้องให้สามารถขึ้นรูปและคงอยู่ได้ด้วยตัวของมันเอง

     โดยวัสดุ 2 ชนิดที่กลุมผมเลือกมาทำคือ ไม้แท่งกลม และ แผ่นยาง  ซึ่งเมื่อผ่านกระบวนการทดลองแล้วพบว่าแผ่นยางไม่สามารถคงรูปให้แข็งแรงอยู่ได้ด้วยตัวของมันเองเนื่องจากความอ่อนตัวและน้ำหนักของมัน  แต่ไม้สามารถคงตัวอยู่ได้ด้วยตัวของมันเองและยังสามารถพลิกแพลงเทคนิควิธีการในการต่อไม้แต่ละชิ้นเข้าด้วยกันซึ่งมีความหลากหลายมาก  จึงได้เลือกไม้แท่งกลมมาเป็นวัสดุจริง


นำแต่ละยูนิตมาต่อกัน

สร้างเป็นรูปทรง 3 มิติ

โมเดล 3 มิติจากไม้แท่งกลม

 

วันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2554

Field Trip (BACC)

    โปรแกรมนี้เป็นการให้ไปทัศนศึกษานอกสถานที่เพื่อทำการศึกษาผลงานศิลปะหลากหลายแขนงในหลากลายสถานที่  เพื่อให้เกิดแรงบันดาลใจและมีความเข้าใจในศิลปะ  ผลงานศิลปะ  และแนวความคิดในการสร้างผลงานของศิลปินมากขึ้น  โดยมีสถานที่ให้เลือกไปศึกษา 3 แห่งด้วยกัน

1. หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC)
2. ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC)
3. พิพิธภัณฑ์ วี อาร์ คิงส์พาวเวอร์ คอมเพล็กซ์ (VR Museum)

     ซึ่งสถานที่ๆผมเลือกไปคือ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร  โดยได้ไปศึกษางานศิลปในนิทรรศการ นาม ไร้รูป ซึ่งเป็นการแสดงงานศิลปะแนวนามธรรมของศิลปินหลากหลายท่าน  แต่ผลงานที่ผมนำมาศึกษาคือ กลุ่ม (Group) ซึ่งเป็นผลงานประติมากรรมของ อาจารย์ชำเรือง วิเชียรเขตต์  ศิลปินแห่งชาติ



 
     แนวคิดของผลงานชิ้นนี้คือการนำฟอร์มการลดทอนรูปทรงของคนมารวมกันเป็นหนึ่งเดียวและนำเส้นสายของความโค้งเว้าของพระพุทธรูปปางลีลามาทำเป็นตัวกำหนดรูปทรงของผลงาน


Logo นิทรรศการ นาม ไร้รูป

Program 5.3 Symbolic Meaning/ 3-Dimension / Environment

     โปรแกรมนี้เป็นการให้นำเอารูปทรงที่เราสร้างขึ้นใน โปรแกรมที่ 5.1 หรือ 5.2 มาพัฒนาหรือเปลี่ยนแปลงเป็นที่ว่าง 3 มิติที่สื่อถึงความไหลลื่นมีชีวิตชีวา ความมีพลวัต และกำหนดสภาพแวดล้อมโดยรอบคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ที่จะนำผลงานไปติดตั้ง

     โดยผลงานชิ้นนี้ผมได้นำผลงานในโปรแกรมที่ 5.1 และ 5.2 มาปรับเข้าด้วยกันโดยใช้รูปทรงและการจัดวางของโปรแกรม 5.1 มาผสมกับส่วนประกอบของโมเดลที่ 5.2 

Sketch design

ด้านของโมเดล

รูปด้านบน

รูปด้านบน

รูปขยายบางส่วนของโมเดล

โมเดลและ Sketch design

    
     แนวคิดของผมในการสร้างผลงานชิ้นนี้คือ การนำเรื่องวรรณะของมดในโปรแกรมที่ 5.1 และการเจาะช่องแสงของโปรแกรมที่ 5.2 มาประยุกต์รวมกัน อีกทั้งยังมีการสื่อความหมายของมดในเรื่องการหาอาหารโดยการถักตัวเอเป็นบันไดให้มดตัวอื่นข้ามไป  ซึ่งแต่ละส่วนของโมเดลก็มีการเกาะเกี่ยวกันเหมือนอวัยวะของมด  ส่วนสภาพแวดล้อมที่เลือกติดตั้งผลงานคือส่วนของทางเดินจากลานจอดรถขึ้นมาที่โรงอาหาร  แสดงถึงการหาอาหารของมด

Program 5.2 Meaning / Open form / Lighting

     โปรแกรมนี้เป็นการให้สร้างสรรค์โคมไฟซึ่งเป็นรูปทรงเปิดโดยพัฒนาจากรูปทรงที่เราได้คิดไว้ในโปรแกรมที่  5.1  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เข้าใจรูปทรง 3 มิติ รูปทรงเปิด การสื่อความหมาย รวมทั้งการนำไฟเข้ามาร่วมกับผมงาน 3 มิติของเราด้วย

โคมไฟ

แสงที่ออกมาจากช่องด้านข้าง

นำไปตั้งบนกำแพงเพื่อให้แสงที่ออกมาเด่นชัดขึ้น

     ผลงานชิ้นนี้มีแนงคิดมาจากการนำเรื่องของการแบ่งชนชั้นวรรณะ รังของมด และรูปทรงของโมเดลแบบที่ 2 นำมาพัฒนาต่อเนื่องโดยมีความหมายคือ  มดที่อยู่ตรงกลางเป็นนางพญาซึ่งมีข้อปล้องหนวดมากที่สุดและมีขนาดใหญ่ที่สุดล้อมรอบด้วยบริวารซึ่งก็คือมดงานและมดตัวผู้  โดยจัดเรียงรูปทรงให้คล้ายกับทางเดินของมดใต้ดิน  ส่วนแสงที่ขยายแผ่ออกมาแสดงถึงความกว้างใหญ่ของรังมดซึ่งเป็นมดตัวเล็กแต่สามารถสร้างอาณาจักรที่ใหญ่โตใต้ดินของมันได้

Program 5.1 Natural form / Meaning & Technique

     โปรแกรมนี้เป็นการให้นิสิตเลือกสิ่งมีชีวิตคนละ 1 ชนิดเพื่อมาทำการสึกษารูปทรง พฤติกรรม หรืออื่นๆเพื่อนำมาลดทอดเป็นรูปร่างที่สามารถอิงคุณสมบัติของสิ่งมีชีวิตนั้นๆได้และสามารถนำไปพัฒนาเป็นผลงาน 3 มิติได้ โดยให้ทำมา 2 ทางเลือก


     โดยสิ่งมีชีวิตที่เลือกมาศึกษาคือมด เนื่องจากมดเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีการดำรงชีวิตที่ซับซ้อนจึงทำให้ มด เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าศึกษาอย่างยิ่ง


โมเดลที่ 1

โมเดลที่ 1

โมเดลที่ 1


     นี่เป็นโมเดลชิ้นแรกซึ่งแนวคิดในการทำโมเดลชิ้นนี้คือนำรูปทรงของหนวดมดซึ่งเป็นข้อปล้องมาลดทอดรายละเอียดและนำมาวางชิดกันเพื่อสื่อถึงการสื่อสารของมดซึ่งทำโดยการนำหนวดมาแตะกัน


โมเดลที่ 2

       
โมเดลที่ 2
     
      โมเดลชิ้นที่ 2 นำแนวคิดมาจากการแบ่งชนชั้นวรรณะของมดโดยการแบ่งจากข้อปล้องของหนวด ยิ่งมีข้อปล้องเยอะยิ่งอยู่วรรณะสูง  จึงจัดเรียงให้มดวรรณะสูงสุดซึ่งก็คือมดนางพญา รองลงมาคือมดตัวผู้  และมดงาน 

     โดยผลงานครั้งนี้ก็เป็นที่น่าพอใจเนื่องจากตั้งใจในการหาข้อมูลและตีความหมายเป็นอย่างมาก

Program 3.2 Color and Modern art

     ผลงาน 2 ชิ้นนี้เป็นการให้สร้างสรรค์ผลงานสีโปสเตอร์เพื่อให้มีความเข้าใจในทฤษฎีสีและเข้าใจถึงผลงานในยุคสมัย Impressionism และ Cubism  โดยมีภาพต้นแบบเป็นภาพ Casa mila ผลงานของสถาปนิก Antonio Gaudi



 ภาพต้นแบบ





     ภาพนี้เป็นภาพแนว Impressionism ใช้เวลาลงสีนานมากและตั้งใจมาก




     ภาพนี้เป็นแนว Cubism ใช้เวลาทำนานเช่นกัน

     แต่ตั้งใจทำเท่าไรส่งไม่ทันก็เท่านั้น.......น่าเสียดาย


Program 3.1 The meaning of nature's colors

     โปรแกรมนี้เป็นการให้ใช้สีเข้ามาช่วยในเรื่องของการสื่อความหมายของภาพ  ซึ่งผลงานนี้ได้มีการให้วิเคราะห์เรื่องทฤษฎีการใช้สีและโครงสี  รวมถึงเทคนิคน้ำหนักความสว่างของสี (Lightness-color value)  และเทคนิคการลดความสดของสี (Saturation-intensity) โดยให้มีการไล่สีให้มีน้ำหนักต่างๆกันด้วย




     ผลงานนี้เวลาทำน้อยไปหน่อยจึงทำให้ออกมาไม่ประณีตเท่าที่ควร


วันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

Le Corbusier

     สถาปนิกท่านนี้เป็นอีกท่านหนึ่งที่ผมได้ศึกษาผลงานและนำแนวความคิดรวมทั้งผลงานของท่านมาเป็นแนวทางในการสร้างสรรค์ผลงาน  ผมจึงอยากให้ท่านได้รู้จักสถาปนิกท่านนี้อีกท่านหนึ่ง

Le Corbusier


    
    
     ประวัติการทำงาน : ปี คศ.1900 อายุได้ 13 ปี เขาออกจากกิจการของครอบครัวออกเที่ยวไปในยุโรปและเมดิเตอร์เรเนียน ไปอยู่ปารีสและได้ทำงานกับ Auguste Perret ต่อจากนั้น ไปอยู่เยอรมันไปเป็นผู้ช่วย behren และกลับมาเป็นครูที่โรงเรียน Chaux-de-Fonds เขาได้ไปทำงานเป็นจิตรกร ที่ปารีส และได้ทำงานด้านผังเมือง ได้สร้างเมืองใหม่ Chandigarh ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐปัญจาบ ประเทศอินเดีย ปี คศ.1913 ไปอยู่ปารีส ซึ่งในขณะนั้นเป็นศูนย์กลางของศิลปะคิวบิสม์ และเซอร์เรียวลิสม์ ปี คศ.1930 ได้โอนสัญชาติมาเป็นสัญชาติฝรั่งเศส และเขาได้เสียชีวิตที่นั้น


     แนวความคิดที่สำคัญ : -แนวความคิด "five points of modern architecture" 1. ยกพื้นสูงลอยตัว มีลักษณะเบา 2. จัดแผนผังพื้นที่ใช้สอยอิสระ (free plan) เพราะใช้ผนังลอยได้ 3. free facade ผนังด้านนอกไม่จำเป็นต้องรับน้ำหนัก 4. ใช้ roof garden มีfunctionเป็นระเบียง-สวน-ดาดฟ้าเนื่องจากเป็นFlat roof 5. ใช้ ribbon window ช่องเจาะยาวแนวนอนได้ -แนวความคิด "Modulor" ในเดือน August 1965. เขาได้คิดค้นระบบของสัดส่วน ของการออกแบบทางสถาปัตยกรรม - Modulor, ซึ่งกำหนดจากพื้นฐานของสัดส่วนมนุษย์ จากความสูง 1829 มม,


ผลงานทางทางสถาปัตยกรรมที่กลุ่มผมนำมาสร้างผลงาน

Ronchamp





Antonio Gaudi

     จากที่ได้สร้างสรรค์ผลงานจากสถาปนิกท่านนี้มาแล้ว  ผมจึงอยากให้ท่านได้รู้จักกับประวัติและผลงานของสถาปนิกท่านนี้พอสังเขป




    Antonio Gaudi เกิดในครอบครัวค่อนข้างยากจน เป็นลูกของช่างซ่อมอุปกรณ์ทำความร้อน ภายในบ้าน และในวัยเด็ก ยังเป็นโรคปวดเมื่อยกล้าม เนื้อ ซึ่งในบางครั้งทำให้เขาไม่สามารถเล่นกับเพื่อนในวัยเดียวกันได้ตามปกติแบบเด็กทั่วๆ ไป เขายังต้องประสบกับอาการปวดกล้ามเนื้อนี้อยู่แม้จะเข้าสู่วัยผู้ใหญ่แล้วก็ตาม

     เขาเกิดที่เมือง Reus ในจังหวัด Tarragona เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 1852 และที่เมืองนี้เอง เขาได้ผ่านการศึกษาขั้นพื้นฐานจนจบระดับมัธยมศึกษา

     ด้วยความตั้งใจที่จะเรียนทางด้านสถาปัตยกรรม เมื่ออายุได้ 17 ปี เขาได้ย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองบาร์เซโลนา แต่เนื่องจากขาดเงินทุนในการศึกษา เขาจึงต้องทำงานควบคู่กันไปด้วย และในช่วงนี้เองที่เขาได้มีโอกาส ร่วมงานกับสถาปนิกชื่อดังหลายคน อย่างเช่น Josep Fontsere, Joan Martorell เป็นต้น

     เมื่ออายุได้ 26 ปี เขาก็ได้รับวุฒิบัตรเป็นสถาปนิก จากนั้นมาเขาก็ได้สร้างผลงานขนาดเล็กหลายชิ้น จนมาถึงผลงานสำคัญที่ชื่อว่า Vitrina de Casa Comella เป็นการออกแบบกระจกในบ้านเพื่อนำไปแสดงในงานเอ็กซ์โป ที่กรุงปารีสในปี 1878 นับแต่นั้นมาเขาก็เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นในวงการสถาปัตย กรรม ผลงานของเขาได้เป็นที่ประทับใจของนักธุรกิจใหญ่ของเมืองบาร์เซโลนา ที่มีชื่อว่า Eusebi Guell ซึ่งในเวลาต่อมาได้กลายเป็นลูกค้าและผู้สนับสนุนหลักของ Gaudi
     Gaudi ไม่ได้เป็นเพียงผู้ปฏิวัติวงการสถาปัตยกรรมเท่านั้น เขายังได้คิดค้นอะไรใหม่ๆ ขึ้นอีกหลายอย่าง โดยเฉพาะการตกแต่งพื้นและผนังด้วยเซรามิกหลากสี เฟอร์นิเจอร์ที่มีสีสันสดใส ลักษณะรูปทรงที่แปลกใหม่ ในทุกโครงงานของเขา

     Antonio Gaudi ได้สร้างผลงานไว้มากมาย มีชื่อเสียงตั้งแต่สมัยยังมีชีวิตอยู่ และในที่สุดวันสุดท้ายของเขาก็มาถึง ในวันที่ 7 มิถุนายน 1926 มีข่าวว่าเกิด อุบัติเหตุรถรางสาย 30 ชนชายชราคนหนึ่งเสียชีวิต ไม่มีใครคิดว่าเขาผู้นั้นจะเป็น Gaudi สถาปนิกชื่อดังแห่งยุค

     ศพของเขาได้ถูกฝังไว้ใน La Sagrada Familia ซึ่งเป็นผลงานที่โด่งดังที่สุดของเขา ซึ่งในปัจจุบันสิ่งก่อสร้างนี้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองบาร์เซโลนาไปแล้ว



เหล่านี้เป็นผลงานบางส่วนที่มีชื่อเสียงของ Antonio Gaudi


La Sagrada Familia



Casa Batllo 


Parque Guell




La Pedrera



Profile

ชื่อ : นายจิรสิน  มหไพโรจน์
ชื่อเล่น : บาส
วันเกิด : 6 เมษายน 2536
ที่อยู่ : 1410 ซ.จรัญฯ57 ถ.จรัญสนิทวงศ์ แขวงบางบำหรุ เขตบางพลัด กทม. 10700
อีเมล์  : bas_classic@hotmail.com          
สีี่ที่ชอบ : น้ำตาล เหลือง
งานอดิเรก : อ่านหนังสือ ท่องเที่ยว ดูหนัง ฟังเพลง
คติประจำใจ : อยู่ให้มีความสุข

Program 3.3 : Pop up





     ผลงานชื้นนี้เป็นงานกลุ่มจัดทำขึ้นโดยมีต้นแบบจากสถาปนิก Le Cabusier โดยให้ทำ Pop up ขนาด 1.8*1.8*1.8 ม. กลุ่มของเราจึงคิดรูปแบบด้วยการลดทอนองค์ประกอบของภาพต้นแบบและนำมาจัดทำเป็นผลงานชิ้นนี้โดยมีการเล่นสีของแสงที่ส่องผ่านขวดน้ำและแสงที่ส่องผ่านผ้าดิบอีกด้วย  โดยงานชิ้นนี้กลุ่มของพวกเราตั้งใจทำงานร่วมกันจนสำเร็จได้ด้วยดี

Program 2.3 : Knowing some great architects III

Number I
     ผลงานชิ้นนี้โจทย์ให้เลือกรูปทรง 1 รูปทรงและเทคนิค 1 เทคนิคผมได้เลือกใช้รูปทรงธรรมชาติ (Oraganic) กับเทคนิคการแปรเปลี่ยน (Gradation) มาทำเป็นผลงานชิ้นนี้โดยใช้ภาพต้นแบบเดียวกับ Program 2.1 และ 2.2  เนื่องจากสถาปนิกท่านนี้มีความเด่นในเรื่องการใช้รูปทรงธรรมชาติ

Number II



     ภาพนี้เป็นผลงานที่ต่อเนื่องจากชิ้นข้างบนโดยให้ใช้รูปทรงเดิมแต่ให้เปลี่ยนเทคนิดในการสร้างผมงาน  โดยผมได้เลือกใช้เทคนิดการคล้ายกันในการสร้างผลงานชิ้นนี้เนื่องจากเป็นรูปทรงธรรมชาติผมจึงนำรูปทรงของใบไม้มาทำให้เป็นลักษณะสื่อถึงภาพต้นแบบ

Program 2.2 : Knowing some great architects II

Number I


     งานชิ้นนี้เป็นการให้จัดองค์ประกอบของทั้ง จุด เส้น และระนาบ  โดยที่ภาพต้นแบบเป็นภาพเดิมของ  Program 2.1 ผมจึงได้นำจุด เส้น และระนาบมาจัดองค์ประกอบโดยใช้ให้เหมาะกับส่วนต่างๆของภาพ


Number II



     งานชิ้นนี้เป็นการจัดองค์ประกอบของระนาบเพียงอย่างเดียวเนื่องจากโจทย์กำหนดให้เลือกจัดองค์ประกอบจาก จุด เส้น หรือระนาบอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น  โดยผมเลือกใช้เทคนิคการคล้ายกันมาใช้ในงานชิ้นนี้

Program 2.1 : Knowing some great architects I

Dot




     งานชิ้นนี้เป็นการจัดองค์ประกอบของจุดซึ่งผมได้จัดองค์ประกอบภาพนี้โดยมีภาพต้นแบบของสถาปนิกท่านหนึ่งคือ Antonio Gaodi เป็นภาพของตึกที่ชื่อ  Batlló house  ผมจึงได้นำจุดมาเรียงต่อกันเป็นรูปทรงของตึกโดยลดทอดองค์ประกอบลง


Line


     งานชิ้นนี้เป็นการจัดองค์ประกอบของเส้น โดยการนำเส้นหลากหลายขนาดมาจัดองค์ประกอบให้ออกมาสื่อถึงภาพต้นแบบ


Plane


      ส่วนงานชิ้นนี้เป็นการจัดองค์ประกอบของระนาบโดยใช้การจัดองค์ประกอบของระนาบให้สื่อถึงภาพต้นแบบ

     งานทั้งสามชิ้นเป็นการนำภาพต้นแบบมาจัดองค์ประกอบใหม่ในรูปแบบต่างๆเพื่อเป็นการฝึกการจัดองค์ประกอบ

Program 01 : Model






     งานชิ้นนี้เป็นการออกแบบผลงาน 3 มิติโดยมีแนวคิดของการออกแบบจากสถาปนิกต้นแบบที่เลือก  งานชิ้นนี้ผมได้สถาปนิกต้นแบบเป็น บริษัท สถาปนิกคิดดี ผมจึงได้นำแนวคิดในการนำวัสดุมาเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการคิดและการออกแบบมาทำเป็นผลงาน 3 มิติชิ้นนี้